วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มหัศจรรย์แกรนด์แคนย่อน

       
                                           มหัศจรรย์แกรนด์แคนย่อน
   
                หุบเขาแกรนด์แคนยอน อยู่ในเขตมลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้ามีการจัดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกแล้ว แกรนด์แคนยอน ต้องติดอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติที่แสดงประวัติศาสตร์ของโลกผ่านกาลเวลาหลายพันล้านปี


กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากของแม่น้ำโคโลราโด ได้กัดกร่อนชั้นหินเป็นเวลานานแสนนานจนเป็นร่องผาลึก เปิดเผยถึงรายละเอียดทางธรณีวิทยาของการกำเนิดพื้นโลก


ธรณีวิทยาของโลกกว่า 1.7 พันล้านปีได้ถูกเปิดเผยขึ้นจากหินที่ผนังของหุบเขา แต่ละแถบสีแสดงถึงเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาของโลกในแต่ละยุคในอดีต มีการทับถมและตกตะกอนเป็นชั้น ๆ บางชั้นเป็นหินปูน บางชั้นเป็นหินทราย บางชั้นเป็นหินดินดาน แสดงให้เห็นว่าผิวโลกบริเวณนี้ครั้งหนึ่งเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน ต่อมาน้ำทะเลลดลง กลายเป็นเพียงแม่น้ำและเนินทราย มีการบีบอัดจนกลายเป็นเนื้อหินที่เรียงซ้อนตัวเป็นชั้น ๆ อย่างที่เห็นในรูป


มีร่องรอยอารยธรรมของผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้มาพันกว่าปีแล้ว
(สังเกตอาคารที่อยู่ที่ผนังด้านขวามือ มีนักท่องเที่ยวนั่งพักผ่อนอยู่)


เมื่อเรายืนอยู่ที่ริมขอบหน้าผา จะรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติตรงหน้า คนโบราณที่ได้เห็นจึงตั้งชื่อหินขนาดใหญ่มหึมาตามชื่อของเทพเจ้าตามความเชื่อของศาสนาหรือลัทธิต่าง ๆ เช่นจูปิเตอร์ จูโน อพอลโล วีนัส วิษณุ ศิวะ พระพรหม หรือแม้แต่เทพของพวกไวกิ้งอย่างโวทัน (Wotan)


การเดินทางจากริมหน้าผาด้านบนลงไปถึงแม่น้ำโคโลราโดเบื้องล่างต้องเดินเป็นระยะทางกว่า 10 ไมล์เที่ยวเดียว และมีการเปลี่ยนระดับความสูงถึง 4000 ฟุต ผู้ที่ตั้งใจจะเดินลงไปข้างล่างจึงควรเผื่อเวลาไว้ 2 วัน โดยลงไปนอนเต็นท์ด้านล่าง 1 คืนแล้วค่อยเดินกลับขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่แข็งแรงหรือมีปัญหาสุขภาพ บางคนที่ไม่อยากเดินอาจะใช้บริการขี่ล่อ (mule) ก็ได้ แต่พอลงจากล่ออาจะต้องเดินขากางไปหลายวัน


มาถึงด้านล่างเห็นแม่น้ำซะที


ถ้าต้องการท่องดูแกรนด์แคนยอนตลอดความยาว สามารถล่องเรือไปตามแม่น้ำโคโลราโดเป็นระยะทางยาวกว่า 277 ไมล์ ซึ่งจะแบ่งแกรนด์แคนยอนออกเป็นฝั่งเหนือ (North Rim) และฝั่งใต้ (South Rim) ทั้งสองฝั่งอยู่ห่างกันเป็นระยะทางเฉลี่ยกว่าสิบไมล์ โดยมีหุบเขาตัววี (V-shaped valley) ที่ถูกกัดเซาะด้วยแม่น้ำคั่นระหว่างกลาง มีความลึกจากขอบหน้าผาลงไปถึงแม่น้ำด้านล่างถึง 6000 ฟุต


วิวจากฝั่งใต้ (South Rim) จะเห็นแม่น้ำโคโลราโดเบื้องล่าง ด้านบนสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ตามแบบของพวกชนพื้นเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน


ฝั่งเหนือของแกรนด์แคนยอนจะมีความสูงมากกว่าฝั่งใต้ จึงมีอากาศที่เย็นกว่า ฤดูหนาวจะมีหิมะตกหนักจนไม่สามารถเดินทางได้ จึงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เฉพาะช่วงฤดูร้อน รูปที่เห็นคือ Mount Hayden จากจุดชมวิว Point Imperial


แกรนด์แคนยอนในฤดูหนาว โปรยปรายด้วยหิมะ


ทางฝั่งใต้เปิดรับนัักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และสามารถเดินทางได้สะดวกจากลาสเวกัส มลรัฐเนวาด้า
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงชมแกรนด์แคนยอนจากฝั่งใต้มากกว่า


บริเวณใกล้ ๆ กัน จะเป็นเขตอนุรักษ์ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อยู่อาศัยในแกรนด์แคนยอนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ในเขตนี้จะมีน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดชื่อว่าน้ำตกฮาวาสุ (Havasu Fall)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น